
ปกนิตยสาร ฟ้าเดียวกัน
ที่มา :http://www.sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=12904
ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 (เมษายน – มิถุนายน 2550)
ก้าวต่อไปของสังคมไทย
สารบัญ
18 บทบรรณาธิการ
หาเรื่องมาเล่า
20 จดหมายถึงกองบรรณาธิการ
24 การศึกษาเรื่องรัฐในสังคมไทย
คำขบวน
32 Subject Siam
รายงานพิเศษ
200 รัฐ: จากมุมมองของชีวิตประจำวัน
วริศา กิตติคุณเสรี
"...คำถามที่ว่ารัฐเกี่ยวข้องกับ ชีวิตประจำวัน ของผู้คนอย่างไร โดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัตน์ที่พรมแดนรัฐชาติพร่าเลือนลงทุกขณะ การศึกษาทางมานุษยวิทยา มีมุมมองต่อรัฐอย่างไร พบกับประเด็นน่าสนใจเหล่านี้ใน การประชุมประจำปีทางมานุษยวิทยาประจำปี 2550 เรื่อง “รัฐ: จากมุมมองของชีวิตประจำวัน”..."
40 Empire อภิจักรภพ
ภัควดี วีระภาสพงษ์
ปีกซ้ายไร้ปีก
52 ปัญหาประชาธิปไตยและการต่อสู้ทางชนชั้น
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี
ใต้ฟ้า
60 เมืองไทย
230 สากล
ทัศนะวิพากษ์
70 ก้าวต่อไปของสังคมไทย พิจารณาในด้านนิติธรรม นิติรัฐ และรัฐธรรมนูญ
วรเจตน์ ภาคีรัตน์
"...มุมมองของนักกฎหมายมหาชนผู้ที่ได้รับการยอมรับถึงความเที่ยงตรงในหลักกฎหมาย พิจารณาอนาคตของสังคมไทยหลังรัฐประหาร 19 กันยา จากแง่มุม ด้านนิติธรรม นิติรัฐ และรัฐธรรมนูญ ว่าจะเดินไปสู่หนทางอะไร..."
82 พุทธศาสนาในสยาม – จากหายนะสู่วัฒนะ
สุลักษณ์ ศิวรักษ์
104 โภคทรัพย์แห่งราชวงศ์
ผู้สื่อข่าวเอเชียเซนติเนล
123 จุดเปลี่ยนแห่งทศวรรษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
สมถวิล ลีลาสุวัฒน์
"...กรุงเทพฯมีพื้นที่ 976,250 ไร่ แต่เป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 8,835 ไร่ หรือคิดเป็น 0.904 % ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทำเลทองทั้งสิ้น การรุกคืบเข้ามาดำเนินธุรกิจเต็มตัวหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 ก่อผลกระทบอย่างสำคัญต่อความสัมพันธ์ที่มีมาแต่เดิมระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของสิทธิ์ นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ของสถาบันกษัตริย์กับสังคมไทย..."
141 คำให้การเรื่องสถาบันกษัตริย์กับวัฒนธรรมเซ็นเซอร์
ประวิตร โรจนพฤกษ์
"...ท่ามกลางวัฒนธรรมเทิดทูนมหาบุรุษอย่างไม่รู้จัก “พอเพียง” ส่งผลอย่างสำคัญต่อการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน เพราะบางครั้งเพียงแต่ตั้งคำถามก็อาจจะกลายเป็นเรื่อง “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ได้ ข้อเขียนในรูปแบบ “คำให้การ” ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ชิ้นนี้เป็นประจักษ์พยานวัฒนธรรมเซ็นเซอร์ (ตัวเอง) ได้เป็นอย่างดี..."
148 10 ปีสมัชชาคนจน : ข้อสังเกตบางประการ
อุเชนทร์ เชียงเสน
190 ก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิทธา เลิศไพบูลย์ศิริ
ส่องศิลป์
210 เมรุคราวกบฏบวรเดช
ชาตรี ประกิตนนทการ
ปฏิกิริยา
179 ทำไมควรอ่าน รัฐประหาร 19 กันยา
ใจ อึ๊งภากรณ์
มนุษยภาพ
238 การเคลื่อนไหวทางสังคมในอินเดียยุคหลังอาณานิคม
โดม ไกรปกรณ์
ในกระแส
254 การต่อสู้เพื่อความเป็นตัวของตัวเองทางการเมือง
ปิยะมิตร ลีลาธรรม
ที่มา :http://www.sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=12904
..................................................................................................
บทความ ‘ฟ้าเดียวกัน’ : คณะตลก. รัฐธรรมนูญ กับก้าวต่อไปของสังคมไทย
(จากเว็บไซต์ ประชาไทออนไลน์)
กลางเดือนกันยายน 2548 ชายผู้หนึ่งลุกขึ้นมาชี้หน้ากล่าวหานายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งเคยทำมาหากินร่วมกันมาด้วยสารพันข้อกล่าวหา ตั้งแต่คอร์รัปชั่นไปจนถึงล่วงละเมิดพระราชอำนาจ พร้อมทั้งปลุกระดมผู้คนให้ “สู้เพื่อในหลวง” เมื่อมวลชนเข้าร่วมมากขึ้น เขาได้เคลื่อนขบวนไปเคาะประตูบ้านชายคนที่ 2 กลางดึก เพื่อยื่นบัตรเชิญให้ออกมารัฐประหาร ชายคนที่ 2 เห็นด้วยและซุ่มเตรียมการกับพลพรรคของเขานับแต่นั้น
ขณะที่มวลชนของชายคนแรกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ชายอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมประชาธิปไตย ผู้มักแอบอ้างเจตนารมณ์ของคณะราษฎร ตลอดจนวีรชนเดือนตุลาและพฤษภา และมักจะพูดแทนประชาชนอยู่เนืองๆ ได้ยอมถวายตัวเข้าไปเป็นหางเครื่องของชายคนแรกอย่างไม่เคอะเขิน จนนำไปสู่ข้อเสนอการถวายคืนพระราชอำนาจโดยการขอ “นายกฯ พระราชทาน” ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 โดยไม่เห็นว่าขัดกับเจตนารมณ์ของคณะราษฎรที่เปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อให้ “อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย”
เพื่อให้บัตรเชิญรัฐประหารชอบธรรมยิ่งขึ้น ชายชราอีกคนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุม “ประธานองคมนตรี/รัฐบุรุษ” ได้ออกมารณรงค์ให้ทหาร “กระด้างกระเดื่อง” ในต่างกรรมต่างวาระ โดยมีสื่อมวลชนทำหน้าที่เป็นกองเชียร์อย่างเมามัน
เมื่อเวลาสุกงอม ชายคนที่ 2 ก็ตระบัดสัตย์ต่อประชาชนโดยเคลื่อนกำลังทหารซึ่งติดริบบิ้นสีเหลืองไว้ที่ปลายกระบอกปืนและผูกผ้าพันคอสีฟ้า ออกมารัฐประหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายโดยพลการ แต่แทนที่จะถูกประณามกลับมีกองเชียร์ที่เป็นทั้งนักวิชาการ นักประชาธิปไตย สื่อมวลชนออกมาชื่นชมการกระทำดังกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “เพราะรัฐธรรมนูญตายแล้ว” เท่านั้นยังไม่พอยังมีการแต่งตั้งพวกพ้องให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งที่โดยส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย รวมทั้งเพิ่มงบประมาณการทหารขึ้นอีก 29,805,014,800 บาท
แต่อย่างที่ทราบ ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา คณะรัฐประหารของชายคนที่ 2 ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากไปกว่ากวาดล้างพลพรรคไทยรักไทยที่พวกเขาเห็นว่าเป็นตัวการทำลายประชาธิปไตย (โดยที่ไม่ย้อนกลับมาดูตัวเอง)
และเพื่อไม่ให้เคอะเขิน คณะของชายคนนี้จึงออกประกาศเพื่อเอาผิดย้อนหลังพลพรรคไทยรักไทย โดยอุปโลกน์แต่งตั้งชายสวมเสื้อครุยอีก 9 คนขึ้นมาทำหน้าที่ ตลก. รัฐธรรมนูญ เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองของตน
หลังจากเล่นละครหลอกคนดูมากว่า 8 เดือนในที่สุดคณะตลก. รัฐธรรมนูญ ก็มีคำวินิจฉัยยาวเหยียดซึ่งอาจสรุปได้ดังคำบอกเล่าของแท็กซี่คนหนึ่งว่า
“ถ้าสารวัตร สน. พระราชวัง ออกคำสั่งให้ลูกน้องไปตั้งด่านที่ปากคลองตลาด ปรากฏว่ามีจ่าคนหนึ่งไปรีดไถเงินแท็กซี่ขณะตั้งด่าน แท็กซี่จึงนำเรื่องไปฟ้องศาล ศาลเห็นว่าการตั้งด่านทำในนาม สน. ดังที่ป้ายตั้งด่านระบุไว้ และการกระทำของตำรวจคนนั้นก็พิสูจน์ชัดแล้วว่าทุจริต ดังนั้นมีคำสั่งยุบ สน. และพักงานตำรวจทั้งกรมกองเป็นเวลา 5 ปี”
เมื่อคำวินิจฉัยทำนองนี้ออกมา ทั้งคณะรัฐประหารและกองเชียร์กลับบอกว่าให้ประชาชนเคารพการตัดสินเพราะคำวินิจฉัยของคณะตลก. รัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด
การเดินเกมของชายไม่กี่คนและกองเชียร์ทำให้เราในฐานะประชาชนต้องหันมาตั้งคำถามว่า ควรทำอย่างไรกับ “คณะตลกรัฐธรรมนูญ” ที่ประกอบด้วย คณะรัฐประหาร กองเชียร์ และคณะตลก. รัฐธรรมนูญ ?
.....................................................
ปรากฏการณ์ข้างต้นเป็นรูปธรรมของการปกครองโดยคณะรัฐประหาร ซึ่งคงจะไม่มีวันอยู่คู่สังคมการเมืองไทยตลอดไป อย่างไรเสียนักรัฐประหารรุ่นนี้คงจะต้องจากสังคมการเมืองไทยไปในไม่ช้า (เหตุผลไม่ใช่เพราะพวกเขาตระหนักในประชาธิปไตย แต่เป็นเพราะสังคมไทยอนุญาตให้พวกเขาเข้ามาแค่ชั่วคราว) แต่มรดกที่ทิ้งไว้ซึ่งจะอยู่คู่กับสังคมการเมืองไทยไปอีกนาน คือวัฒนธรรมการเมืองแบบพึ่งพิง (ผู้มีบารมี) จนอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการเมืองไทย (หรืออาจจะเป็นอยู่แล้ว?) ที่เรียกกันว่า “อาการเสพติดรัฐประหาร”
ทั้งการรัฐประหารโดยพระราชอำนาจนำ ดังการเรียกร้องขอนายกฯ พระราชทาน ไปจนถึงการ “ออกบัตรเชิญ” ให้คณะรัฐประหารดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ก้าวต่อไปของสังคมไทย จึงไม่ใช่เพียงแค่การต้านรัฐประหารเท่านั้น แต่จักต้องทำลายทั้งเมล็ดพันธุ์และเนื้อดินที่ปูทางไปสู่การรัฐประหาร เพื่อให้อาการเสพติดรัฐประหารสูญสิ้นไปจากสังคมไทย
ที่มา : เว็บไซต์ ประชาไทออนไลน์ http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=8473&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai
บอกอออนลาย
13 มิถุนายน 2550
ปรับปรุง 15 มิถุนายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น