วันจันทร์, พฤษภาคม ๑๒, ๒๕๕๑

แถลงการณ์กลุ่มนักศึกษา มหาวิทยาลัยถนนคนเดิน : ว่าด้วยการก่อสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ราคา 21 ล้าน!!!

แถลงการณ์กลุ่มนักศึกษา มหาวิทยาลัยถนนคนเดิน

จากที่สำนักอธิการบดี ได้อนุมัติดำเนินการสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ณ บริเวณลานจอดรถ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพิจารณาถึงสภาพความเหมาะสมของพื้นที่ที่ดำเนินการสร้างแล้วจะเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมีการก่อสร้างใดๆลง ณ บริเวณพื้นที่แห่งนี้อีก เนื่องจาก

1. พื้นที่บริเวณลานจอดรถหน้าคณะสังคมศาสตร์ล้อมรอบไปด้วยตึกเรียนคณะต่างๆอย่างแน่นขนัด ตั้งแต่อาคารหอสมุดไปจนถึงอาคารคณะมนุษยศาสตร์รวมทั้งอาคารคณะวิทยาศาสตร์และอาคารเรียนรวม RB3 จะเห็นได้ชัดเจนว่า พื้นที่นี้เป็นศูนย์รวมเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังอาคารอื่นๆได้มากมาย ถนนบริเวณลานจอดรถหน้าคณะสังคมศาสตร์จึงเป็นจุดที่มีการจราจรพลุกพล่านเป็นประจำ

ในเวลาเรียนปกติแล้วลานจอดรถทั้งที่คณะมนุษยศาสตร์คณะสังคมศาสตร์ รวมทั้งอาคาร RB3 ก็ยังมีการจอดรถอย่างหนาแน่น แสดงให้เห็นว่าลานจอดรถที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการแล้ว ดังนั้นลานจอดรถบริเวณหน้าคณะสังคมศาสตร์จึงเป็นที่จอดรถที่สะดวกและจำเป็นที่สุดสำหรับนักศึกษาและประชาชนที่เข้ามาติดต่อธุระ อีกทั้งยังไม่มีการจัดหาบริเวณที่จอดรถถาวรที่เหมาะสมไว้รองรับ อันจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากเมื่อมหาวิทยาลัยเปิดเรียนในภาคการศึกษาปกติ

2. จากการที่พื้นที่บริเวณลานจอดรถหน้าคณะสังคมศาสตร์มีจำนวนรถผ่านหนาแน่น ย่อมมีมลพิษมากเป็นปกติ แต่ถึงกระนั้นลานจอดรถหน้าคณะสังคมศาสตร์ที่มีลักษณะเป็นลานกว้างและมีต้นไม้อยู่จำนวนมากก็ยังสามารถช่วยให้ระบายลมและมลพิษได้คล่องตัวขึ้น ดังนั้นการตัดต้นไม้และสร้างอาคารเพิ่มขึ้นในบริเวณลานจอดรถหน้าคณะสังคมศาสตร์มีแต่จะทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นจุดอับลม มลพิษไม่สามารถระบายออกไปได้อย่างคล่องตัว ซึ่งในระยะยาวแล้วอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้

3. การสร้างตึกบริเวณลานจอดรถหน้าคณะสังคมศาสตร์ไม่ช่วยให้จำนวนรถน้อยลงแต่อย่างใด นักศึกษาที่มิได้พักในหอพักของมหาวิทยาลัยส่วนมากมีความจำเป็นที่จะต้องนำรถส่วนตัวมาเอง ทางมหาวิทยาลัยเองก็มิได้จัดการระบบขนส่งให้เพียงพอต่อการให้บริการทั้งเส้นทางและจำนวนรถ ดังนั้นการมีที่จอดรถน้อยลงจึงมิใช่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ

4. การสร้างอาคารในพื้นที่ที่กระทบกระเทือนกับประโยชน์ของคนหมู่มากโดยที่ไม่ได้มีการสอบถามความคิดเห็นหรือทำประชาพิจารณ์จากผู้ที่ได้รับผลกระทบ พื้นที่บริเวณนั้นถูกใช้ประโยชน์มากกว่าการจอดรถ เช่น ซุ้มนักศึกษาที่มักจะมีกิจกรรม การแข่งกีฬาบอลภายในชั้นปีและระหว่างภาควิชา งานเลี้ยงเฟรชชี่ ขันโตก แต๊งค์มอ ประชุม 4 ชั้นปี ฯลฯ มีนักศึกษาได้รับผลกระทบ ตลอดจนอาจารย์ บุคลากรคณะสังคม พนักงานที่ขายของตรงซีเอ็มยูช๊อป ธนาคารในละแวก การตัดสินใจสร้างโครงการโดยที่ไม่มีการชี้แจงล่วงหน้าโดยเพิกเฉยต่อนักศึกษาและผู้ที่ได้รับผลกระทบ แสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่บริสุทธิ์ใจในการบริหารงานอย่างยิ่ง

5. การก่อสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารโปร่ง 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นลานโล่ง สำหรับจัดนิทรรศการ ชั้น 2 จะมีระเบียงโดยรอบอาคาร ลักษณะอาคารจะเป็นศาลา 9 เหลี่ยม มีพื้นที่ใช้งาน 500 ตารางเมตร ใช้เป็นเพียงสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กลับใช้งบประมาณสูงถึง 21 ล้านบาท หากเปรียบเทียบงบประมาณการก่อสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติกับงบประมาณที่ใช้ในการสร้างอาคารเรียนอื่น เช่น อาคารเรียนคณะบริหารธุรกิจ เป็นอาคารเรียนสำหรับนักศึกษา ความสูงประมาณ 5 ชั้น กลับใช้งบประมาณในการก่อสร้างเพียง 18 ล้านบาท แต่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับการศึกษาและการวิจัยได้มากมาย

6. เมื่อพิจารณาจากงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ลงทุนไปในการก่อสร้างนี้แล้ว และคำนึงถึงเป้าหมายของการสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติที่ใช้เป็นเพียงสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ จะเห็นว่ามีพื้นที่หลายที่ในมหาวิทยาลัยที่ไม่ถูกใช้ประโยชน์ และมีอีกหลายแห่งที่ใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มกับจำนวนงบประมาณก่อสร้าง ดังจะเห็นตัวอย่างได้จาก หอศิลป์ปิ่น มาลา ศาลาธรรม และสวนปาล์ม เป็นต้น ซึ่งขัดกับหลักทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างชัดเจน มหาวิทยาลัยมีทางเลือกอีกมากที่จะใช้เป็นพื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งนอกจากจะเป็นการบริหารงบประมาณอย่างพอเพียงแล้วยังเป็นการบริหารพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

การที่อนุมัติโครงการก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อคนหมู่มากโดยมิได้สอบถามถึงความสมัครใจและไม่มีการชี้แจงล่วงหน้า อีกทั้งใช้เงินจำนวนถึง 21 ล้านบาทเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ดังนั้นเรากลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยถนนคนเดิน จึงขอประณามการกระทำของสำนักงานอธิการบดี ในครั้งนี้

กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยถนนคนเดิน
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2551
........................................................
จันทร์ 12
พฤษภา 51

แก้ไขล่าสุด
อังคาร 13
พฤษภา 51

วันศุกร์, พฤษภาคม ๐๒, ๒๕๕๑

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล:ผู้จัดการ-พันธมิตร กำลังก่อกระแส ‘ละคอนแขวนคอ’ ยุคใหม่




ภาพการใช้ธงชาติ ในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคราวขับไล่ทักษิณมีการใช้ธงชาติ
และคำว่า "กู้ชาติ" ในขณะที่กลุ่มดังกล่าวใช้เรื่องธงชาติและสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ที่มา : http://prachatai.com/05web/th/home/12033

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล:ผู้จัดการ-พันธมิตร กำลังก่อกระแส ‘ละคอนแขวนคอ’ ยุคใหม่


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เช้าวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2519 กลุ่มขวาจัดที่เรียกตัวเองว่า ชมรมแม่บ้านได้จัดชุมนุมที่ลานพระรูปทรงม้า เพื่อประท้วงรัฐบาลในขณะนั้น อันเกี่ยวเนื่องมาจากวิกฤติการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม การชุมนุมดำเนินไปจนเกือบบ่าย ก็มีบางคนในกลุ่มหยิบยกเอาภาพถ่ายการแสดงละคอนของนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่ลานโพธิในเที่ยงวันก่อนหน้านั้น (4 ตุลาคม) เพื่อสะท้อนเหตุการณ์แขวนคอช่างไฟฟ้าผู้ประท้วงถนอมที่นครปฐม 2 คน ซึ่งตีพิมพ์ในหน้า 1 ของบางกอกโพสต์ ฉบับวันนั้น (บางกอกโพสต์ออกวันละ 1 กรอบตอนเช้า) มาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใบหน้าผู้แสดงเป็นช่างไฟฟ้าที่กำลังถูกแขวนคอในภาพนั้นเหมือนพระบรมโอรสาธิราช แสดงว่า นักศึกษาจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มจัดตั้งขวาจัดต่างๆในขณะนั้น ได้แพร่กระจายข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอาศัยองค์กรสื่อมวลชนขวาจัด 2 องค์กร คือ นสพ.ดาวสยาม รายวัน และ สถานีวิทยุยานเกราะ เป็นเครื่องมือ โดยสถานีวิทยุยานเกราะออกอากาศปลุกเร้าอารมณ์ผู้ฟังอย่างหนักไม่หยุดตลอดบ่ายวันที่ 5 ข้ามคืนถึงเช้าวันที่ 6 มีการเรียกร้องให้จัดการกับนักศึกษาขั้นเด็ดขาด กระตุ้นความโกรธแค้นผู้ฟังถึงระดับทีหวังผลให้เกิดการใช้กฎหมู่ทำร้ายนักศึกษา ขณะที่ ดาวสยาม ได้ตีพิมพ์กรอบบ่ายเพิ่มจำนวนเป็นพิเศษ เผยแพร่ทั่วกรุงเทพ ในหน้า 1 เกือบเต็มหน้า ได้ตีพิมพ์ขยายรูปที่กล่าวหาว่าเป็นการ “แขวนคอหุ่นเหมือนฟ้าชาย” (นี่คือคำพาดหัว ดาวสยาม ฉบับเช้าวันที่ 6 ตุลา ขอให้สังเกตว่า การปลุกระดมนี้วางอยู่บนการโกหกเพียงใด เพราะการ “แขวนคอ” ใช้คนแสดงจริง ไม่ใช่หุ่น)

ฝ่ายศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้แถลงข่าว บอกเล่าความจริงของความเป็นมาของการแสดงละคอนประท้วงถนอม (ซึ่งเป็นกิจกรรมของนักศึกษาธรรมศาสตร์เอง ไม่ใช่การจัดของศูนย์ฯ) และได้ยืนยันว่ายินดีจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมายทุกอย่าง ทั้งยังได้นัดกับนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าพบเพื่อชี้แจงในเช้าวันรุ่งขึ้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือตั้งแต่ช่วงบ่าย ช่วงกลางคืน วันที่ 5 ตุลาคม ถึงช่วงเช้าวันที่ 6 ตุลาคม คือ การระดมกำลังจัดตั้งติดอาวุธของพวกขวาจัดอย่างขนานใหญ่ บรรดาผู้บงการของพวกเขาทราบดีว่า ถ้าปล่อยให้มีการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายและกระบวนการทางการเมืองแบบปกติ คือ ให้โอกาสนักศึกษาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่และต่อสู้คดี และให้โอกาสนักศึกษาได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนทั่วไป คำโกหกของพวกเขา ก็จะไม่เป็นผล เพราะไม่เป็นเรื่องยากที่จะแสดงให้เห็นว่า ละคอนที่แสดงที่ลานโพธินั้น คือละคอนสะท้อนการฆ่าแขวนคอช่างไฟฟ้าที่นครปฐมเท่านั้น ไม่มีเนื้อหาใดๆเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เลย ใบหน้าของผู้แสดงก็ไม่มีการตกแต่งให้เหมือนกับรัชทายาท อย่างที่มีการปล่อยข่าวแต่อย่างใด

ดังนั้น บรรดาผู้บงการขวาจัดจึงเร่งระดมอันธพาลการเมือง และกำลังติดอาวุธของรัฐบางส่วนที่พวกเขาควบคุมได้โดยตรง เข้าทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่คืนวันที่ 5 และเริ่มโจมตีประปรายตั้งแต่กลางดึกคืนนั้น และโดยไม่รอให้ฟ้าสว่างในเช้าวันที่ 6 พวกเขาก็สังการให้กำลังเหล่านั้นทำการโจมตีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างเต็มที่พร้อมเพรียงกัน

สิ่งที่ตามมาคือ การฆ่าหมู่สยดสยองที่เหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่
........................................................


ใครๆก็ควรจะนึกว่า หลังจากการฆ่าหมู่นั้นผ่านไป 30 ปี การปลุมระดมโดยข้ออ้างว่า ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ต้องเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นอีก

แต่ในระยะ 2 ปีเศษที่ผ่านมา นสพ.-วิทยุ-โทรทัศน์ ของกลุ่มผู้จัดการ และกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รื้อฟื้นการใช้ข้ออ้างทางการเมืองนี้ มาเล่นงานผู้ที่พวกเขาไม่เห็นด้วยอีก

ตั้งแต่ต้น พวกเขากุเรื่องว่า มีคนจะล่วงละเมิด “พระราชอำนาจ” ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำให้พวกเขาต้องประกาศว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง”

การรณรงค์นี้ยกระดับความเข้มข้นและความหลอกลวงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (พฤษภาคม 2549) ได้มีการสร้างนิทานหลอกเด็กเรื่อง “ปฏิญญาฟินแลนด์” ขึ้น แต่ขอให้สังเกตว่า เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ในตอนนั้น พวกเขายังไม่กล้าถึงขั้นกล่าวหาคู่ต่อสู้ทางการเมืองตรงๆว่า ต้องการสถาปนาระบอบสาธารณรัฐ เพียงแต่ใช้คำที่ฟังดูขึงขังน่ากลัวนี้ มาขู่โดยนัยยะ

สิ่งที่พวกเขาเสนอในขณะนั้น คือ มีผู้กำลังทำให้สถาบันกษัตริย์เป็น”เพียงสัญลักษณ์” อันทีจริง เรื่องนี้เป็นเรื่องยกเมฆ แต่ทีตลกคือ ในโลกยุคปัจจุบัน การเป็น”สัญลักษณ์” ของประชาชาติหนี่งที่มีคน 60 กว่าล้าน ยังถือเป็นเรื่อง “หมิ่น” หรือ? การเป็น “สัญลักษณ์” ของคน 60 กว่าล้าน จะเป็นเรื่องเลวร้ายได้อย่างไร?

ผู้จัดการ-พันธมิตร กำลังพูดราวกับว่า เรากำลังอยู่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช การพูดเรื่องการเป็น “เพียงสัญลักษณ์” ของพระมหากษัตริย์กลายเป็นเรื่อง “หมิ่น” ขึ้นมาทันที

เรื่องยกเมฆที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการนี้ ที่ยังต้องรักษา “ความน่าเชื่อ” บางอย่างภายนอกไว้ ได้รับการประสานกับเรื่องยกเมฆทีเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตที่มีลักษณะโกหกแบบสุดๆ เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องการตรวจสอบใดๆ ทีหวังว่า ด้วยการเผยแพร่ซ้ำๆๆๆทางอีเมล์ จะทำให้คนเริ่มเชื่อขึ้นบ้าง อย่างกรณีปล่อยข่าวว่ามีศูนย์บัญชาการคอมพิวเตอร์ในทำเนียบรัฐบาลเผยแพร่ข้อมูลหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทางอินเตอร์เน็ตผ่านระบบดาวเทียม เป็นต้น
........................................................
แต่การโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ของกลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตรในปี 2549 เมื่อเทียบกับปีนี้แล้ว ก็ยังไม่เทียบเท่าในระดับความโกหก และความเป็นไปได้ทีจะนำมาซึ่งผลเสียหายร้ายแรง

ปีนี้ ชัยอนันต์ สมุทวณิช ได้เขียนในผู้จัดการว่า มี “ผู้ต้องการสถาปนาระบอบสาธารณรัฐ” (ขณะที่ในช่วงก่อกระแส “ปฏิญญาฟินแลนด์” เขายังไม่กล้า “ฟันธง” ลงไปเช่นนี้)

การเคลื่อนไหวปลุกกระแส “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ของผู้จัดการ-พันธมิตร ได้ถึงขั้นที่เรียกว่า absurd (ไร้เหตุผลถึงขั้นน่าหัวร่อ) และ paranoid (โรคหวาดระแวง) ที่การเขียนถ้อยคำบนผ้าสีธงชาติ ที่มีกำเนิดจากวงการเชียร์กีฬาร่วมสมัย และได้กลายเป็นเรื่องที่ทำกันปกติ แม้แต่ในประเทศไทยเอง (ดังที่มีคนเอาภาพการชุมนุมของพันธมิตรเองมาแสดงให้เห็นว่าผู้ร่วมชุมนุมบางคนก็ทำกัน) นี่เป็นส่วนหนี่งของวัฒนธรรมสมัยใหม่ ที่ทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติไปนานแล้ว

แต่กลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตร ได้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหา “ความมั่นคงของประเทศ” ที่ถึงขั้นต้องหาคนผิดมาดำเนินคดีข้ามประเทศ!

คนเหล่านี้ ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เลย

ระดับความบ้าคลั่งในการก่อกระส “ละคอนแขวนคอ”ยุคใหม่ ของคนกลุ่มนี้ ได้ถึงจุดที่อันตรายอย่างยิ่ง

เมื่อคืนวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ในรายการ Metro Life ของวิทยุผู้จัดการ หนึ่งในโฆษกของรายการ ถึงกับพูดว่า ในเหตุการณ์ 6 ตุลา ระหว่างพวกขวาจัดที่ฆ่าหมู่นักศึกษา กับนักศึกษาที่ถูกฆ่าหมู่อย่างสยดสยองนั้น “ใครผิดกันแน่” บอกไม่ได้ (“มีคำถาม”) เท่ากับว่า การฆ่าหมู่คนเช่นนั้น ก็สามารถเป็นเรื่อง “ถูกต้อง” ได้!!

นอกจากนั้น พวกเขายังพูดเป็นนัยยะว่า เหตุการณ์อย่าง 6 ตุลา อาจจะจำเป็น เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบ 6 ตุลา ประเทศไทยก็อาจจะไม่เป็นปกติสุขแบบในปัจจุบัน อาจจะเต็มไปด้วยคนที่ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”!!

“ถ้าวันนั้นเราไม่มีเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ไม่มีเหตุการณ์ ขวาพิฆาตซ้าย บ้านเมืองมันจะเป็นอย่างที่เรารู้จักหรือเปล่า ถ้าเรามีคนอย่างโชติศักดิ์จำนวนมากอยู่ในสังคม...”

นั่นคือ ถ้าปล่อยไว้ ไม่ทำการฆ่าหมู่เมื่อ 6 ตุลา ก็จะมี “คนอย่างโชติศักดิ์จำนวนมากอยู่ในสังคม” ทุกวันนี้

นี่คืออะไรถ้าไม่ใช่การสร้างความชอบธรรมให้กับการฆ่าหมู่อย่างกระหายเลือด?

ในรายการวิทยุเดียวกัน ในคืนวันที่ 30 เมษายน โฆษกของรายการถึงขั้นชี้แนะว่า ถ้าใครลงมือใช้ความรุนแรงทำร้ายโชติศักดิ์ ถ้าทำให้หัวแตก ตามกฎหมาย คนลงมือทำร้ายนั้นก็จะถูกลงโทษปรับแค่ 500 บาทเท่านั้น! และเปิดโอกาสให้ผู้ฟังบางคนโทรศัพท์เข้ามาเสนอวิธีทำร้ายร่างกายโชติศักดิ์ มีผู้ฟังคนหนึ่งสนองรับด้วยการโทรศัพท์มาเสนอว่า ให้ใช้วิธี “ชกหน้า โดยกำถ่ายไฟฉายก้อนไว้ในมือ”!!

ผมขอเรียกร้องให้ร่วมกันประณามการเป็น “ดาวสยาม-ยานเกราะ” ยุคใหม่ ของกลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตร

กลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตร กำลีงผลักดันให้สังคมไทยถอยหลังเข้าคลอง ย้อนยุคไปกว่า 30 ปี

ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ต้องจัดการด้วยการอภิปราย โต้แย้ง อย่างใช้เหตุผล ไม่ใช่ปลุกปั่น โดยอ้างสถาบันกษัตริย์ เพื่อนำไปสู่การใช้ความรุนแรงจัดการกับผู้มีความเห็นแตกต่างกับตนอย่างที่กลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังทำอยู่

........................................................
ที่มา : ประชาไท วันที่ 2 พ.ค. 51 http://prachatai.com/05web/th/home/12043
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง
เมื่อการเมืองคุกคามสื่อ: ข่าวเนปาล กับความ (ต้อง) เงียบในไทย ! http://prachatai.com/05web/th/home/12033
คลื่นยามเฝ้าแผ่นดินยั่วยุให้ทำร้ายร่างกายโชติศักดิ์ http://prachatai.com/05web/th/home/12042
........................................................
ศุกร์ 2
พฤษภา 51